การขอพระราชทานน้ำหลวง ขอพระราชทานเพลิงหลวง หีบเพลิงหลวง หีบเพลิง
ผู้มีสิทธิได้รับพระราชทานน้ำหลวง เพลิงหลวง และหีบเพลิง ต้องมีตำแหน่งชั้นและยศดังต่อไปนี้
- พระสมณศักดิ์ ตั้งแต่ชั้น “ พระครูสัญญาบัตร “ ขึ้นไป
- พระราชวงศ์ ตั้งแต่ชั้น “ หม่อมเจ้า “ ขั้นไป
- ผู้ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์
- ข้าราชการพลเรือนสามัญชั้นตรี ขั้นไป
- ข้าราชการฝ่ายทหาร ตำรวจ ชั้นยศร้อยตรี ขึ้นไป
- พนักงานเทศบาลตรี ขึ้นไป
- ผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เหรียญ “ เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย “ ( บ.ม. ) ขึ้นไป
- ผู้มีเกียรติได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เหรียญ “ จุลจอมเกล้า “ ( จ.จ. ) หรือ “ ตราสืบตระกูล “ ( ต.จ. ) ขึ้นไป
- ผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ “ รัตนาภรณ์ “ รัชกาลปัจจุบัน
- สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ สมาชิกสภาจังหวัด สมาชิกสภาเทศบาลที่ถึงแก่กรรมในขณะดำรงตำแหน่ง
- รัฐมนตรี ถึงแก่อนิจกรรมในขณะดำรงตำแหน่ง
- ผู้ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ เป็นกรณีพิเศษ
หมายเหตุ การขอพระราชทานเพลิงขอโดยผ่านกระทรวงเจ้าสังกัด ข้าราชการทหารบกขอได้ที่กองการฌาปนกิจ กรมสวัสดิการทหารบก
การขอพระราชทานเพลิงศพกรณีพิเศษ
- ผู้ที่อยู่ในราชสกุล ชั้นหม่อมราชวงศ์และหม่อมหลวง
- พระสงฆ์ที่พระราชาคณะพิจารณาขอพระราชทานให้
- พนักงานรัฐวิสาหกิจระดับสูง
- ผู้ที่ได้รับพระราชทานเหรียญราชรุจี เหรียญกล้าหาญและเหรียญชัยสมรภูมิ
- ผู้ที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ เช่น ศิลปินแห่งชาติ นักกีฬาระดับชาติ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ อดีตสมาชิกสภาจังหวัดหรืออดีตสมาชิกสภาเทศบาล
- ผู้ทำประโยชน์ เช่น บริจาคร่ายกาย หรืออวัยวะ
- บิดา มารดาของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ระดับ 6 หรือเทียบเท่าขึ้นไป
- บิดา มารดาของผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ “ ตริตาภรณ์ช้างเผือก” ( ต.ช. ) ขึ้นไป
- บิดา มารดาของพระสมณศักดิ์ ตั้งแต่ชั้น “พระครูสัญญาบัตร” ขึ้นไป
หมายเหตุ
- การขอพระราชทานเพลิงศพกรณีพิเศษ โดยติดต่อที่กองพระราชพิธี สำนักพระราชวังในพระบรมมหาราชวัง
- บุคคลผู้ที่ทำลายชีพตนเองไม่พระราชทานเพลิงศพ และเครื่องประกอบเกียรติยศ
เอกสารที่ใช้ประกอบหนังสือขอพระราชทานเพลิง
- สำเนาบัตรประจำตัวผู้ขอ หรือบัตรประจำตัวข้าราชการ
- สำเนาทะเบียนผู้ขอ และผู้เสียชีวิต
- สำเนาใบมรณบัตร
หลักเกณฑ์การรับพระราชทาน
เมื่อบุคคลผู้อยู่ในหลักเกณฑ์รับพระราชทานถึงแก่กรรมลง เจ้าภาพที่ประสงค์จะขอรับพระราชทานจะต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้
- ถ้าขอพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ เจ้าภาพ หรือทายาท จะต้องจัดดอกไม้กระทง 1 กระทง ธูปไม้ระกำ 1 ดอก เทียน 1 เล่ม มีพานรองพร้อม ไปกราบถวายบังคมลา โดยติดต่อที่กองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง ในพระบรมมหาราชวัง พร้อมทั้งนำใบมรณะบัตร และหลักฐานที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ขั้นสูงสุดที่ได้รับ ไปแสดงแก่เจ้าหน้าที่ พื่อการจัดชั้นของเครื่องเกียรติยศประกอบศพ ได้ถูกต้อง ส่วนพระสงฆ์สมณศักดิ์ ไม่ต้องมีดอกไม้ธูปเทียน เป็นหน้าที่ของกรมศาสนา แจ้งการมรณภาพและของพระราชทาน
- เมื่อจะประกอบการฌาปนกิจ เจ้าภาพหรือทายาทผู้ประสงค์ขอพระราชทานเพลิงศพ
- จะต้องทำหนังสือแจ้งไปยังกระทรวงเจ้าสังกัดของผู้ถึงแก่กรรมโดยระบุ
- ก. ชื่อ ตำแหน่ง ชั้น ยศ ของผู้ถึงแก่กรรม
- ข. ถึงแก่กรรมด้วยโรคอะไร ที่ไหน เมื่อใด
- ค. ได้รับประราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อะไรบ้าง
- ง. มีความประสงค์จะขอรับพระราชทานเครื่องเกียรติยศประกอบศพอย่างใดบ้าง
- จ. ประกอบการฌาปนกิจศพที่วัดไหน จังหวัดไหน วันเวลาใด
- ติดต่อทางสุสานวัด เพื่อประกอบการฌาปนกิจ การขอพระราชทานเพลิงศพนั้น จะต้องไม่ต้องกับวันเฉลิมพระชนมพรรษา ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และวันเฉลิมฉลอง ศิริราชสมบัติ พระราชพิธีฉัตรมงคล ผู้มีสิทธิได้รับพระราชทานเพลิง ถ้าจะประกอบการฌาปนกิจนอกเขตกรุงเทพมหานคร ทางสำนักพระราชวัง จะได้จัดหีบเพลิงให้กระทรวงเจ้าสังกัด รับส่งไปพระราชทานเพลิง ถ้าหากเจ้าภาพมีความประสงค์จะให้เจ้าภาพมีความประสงค์จะให้เจ้าพนักงานเชิญเพลิงหลวง ไปพระราชทาน เจ้าภาพจะต้อง จัดพาหนะมารับ-ส่ง และกลับ ในวันเดียวกัน ถ้าประกอบการฌาปนกิจใบเขตกรุงเทพมหานคร สำนักพระราชวังจะได้จัด เจ้าพนักงานเชิญ เพลิงหลวง ไปพระราชทาน โดยรถยนต์หลวง สำหรับเครื่องประกอบ เกียรติยศ ได้แก่ หีบ โกศ ฉัตรตั้ง นั้น ทางสำนักพระราชวังจะได้เชิญไปประกอบ และแต่งตั้งไว้ มีกำหนดเพียง 7 วัน เมื่อพ้นไปแล้วเจ้าภาพ หรือทายาทยังไม่กำหนดพระราชทานเพลิง ถ้าทางราชการ มีความจำเป็นจะถอนส่วนประกอบ ลองนอกของหีบ โกศไปใช้ในราชการต่อไป
- จะต้องทำหนังสือแจ้งไปยังกระทรวงเจ้าสังกัดของผู้ถึงแก่กรรมโดยระบุ
ระเบียบการขอรับหีบเพลิงพระราชทาน
เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ขอพระราชทานเพลิงศพจำนวนมาก เลขาธิการพระราชวังได้มีบัญชาว่า เพลิงที่พระราชทานไปเผาศพ ณ วัดที่อยู่ห่างจาก พระบรมมหาราชวังนอกรัศมี ๕๐ กิโลเมตร ให้จัดเป็นหีบเพลิงพระราชทานมอบเจ้าภาพเชิญไปดำเนินการเอง โดยไม่มีเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังไปปฏิบัติ ดังนั้นกองพระราชพิธี จึงได้กำหนดระเบียบการขอรับหีบเพลิงพระราชทาน ดังนี้
- ให้เจ้าภาพศพไปติดต่อขอรับหีบเพลิงพระราชทาน ที่กองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง
- ในกรณีที่เจ้าภาพไม่สามารถไปรับหีบเพลิงพระราชทานด้วยตนเอง จะมอบให้ผู้อื่นไปรับแทนก็ได้ โดยนำต้นเรื่องหนังสือมอบฉันทะและ สำเนาบัตรประจำตัวผู้แทนไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่
- เจ้าภาพหรือผู้แทน ควรไปรับหีบเพลิงก่อนกำหนดวันพระราชทานเพลิงอย่างน้อย ๓ วัน
- ผู้ที่มารับหีบเพลิงควรแต่งกายสุภาพ
- ให้รับหีบเพลิงพระราชทานที่โต๊ะหมู่หน้าพระบรมฉายาลักษณ์
ข้อแนะนำการปฏิบัติเกี่ยวกับพระราชทานหีบเพลิงไปพระราชทานยังต่างจังหวัด
ตามระเบียบที่สำนักพระราชวังได้วางไว้ เมื่อกระทรวงเจ้าสังกัดหรือผู้ว่าราชการจังหวัด ได้มีหนังสือแจ้งมายังสำนักพระราชวัง เพื่อขอพระราชทาน เพลิงศพ หากศพ นั้นอยู่ในเกณฑ์ ที่จะได้รับพระราชทานเพลิงศพ สำนักพระราชวัง จะมีหนังสือแจ้งให้กระทรวงเจ้าสังกัดหรือผู้ว่าราชการ แล้วแต่กรณีตาม ที่ขอมานั้น ให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปขอรับหีบเพลิงพระราชทานได้ที่กองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง เมื่อทางจังหวัดได้รับหีบเพลิงพระราชทานไปแล้ว ต้อง ปฏิบัติตามลำดับขั้นตอนดังนี้
- เชิญหีบเพลิงพระราชทานไปไว้ที่ศาลากลางจังหวัดหรืออำเภอแล้วแต่กรณี โดยตั้งไว ้ในที่อันควรและให้มีพานรองรับหีบเพลิง พระราชทานนั้นด้วย
- เมื่อรับหีบเพลิงพระราชทานไปแล้วควรมีหนังสือแจ้งให้เจ้าภาพศพนั้นๆ ทราบว่าตามที่ขอพระราชทานไปนั้น ว่าได้ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ พระราชทานให้แล้ว
- เมื่อถึงกำหนดวันที่ขอพระราชทานเพลิงศพ ให้ทางจังหวัดหรืออำเภอจะต้องจัดเจ้าหน้าที่แต่งเครื่องแบบปกติขาว ไว้ทุกข์ เพื่อเชิญหีบเพลิงพระราชทานพร้อมด้วยพานรอง (หนึ่งหีบต่อหนึ่งคน) ไปยังเมรุที่จะประกอบพิธี และก่อนที่จะเชิญขึ้นไปตั้งบนเมรุนั้น ควรให้ศพ ขึ้นตั้งบนเมรุให้เรียบร้อยเสียก่อนแล้วจึงเชิญพาน หีบเพลิงพระราชทานวางเรียบร้อยแล้ว ให้ผู้ที่เชิญไปคำนับเคารพศพ หนึ่งครั้ง แล้วจึงลงจากเมรุ
- ขณะที่เชิญพานหีบเพลิงพระราชทานไปนั้น จะต้องระมัดระวัง กิริยามารบาทโดยสำรวม และไม่ต้องทำความเคารพผู้ใด และไม่ต้องเชิญหีบเพลิง พระราชทานเดินตามหลังผู้หนึ่งผู้ใดเป็นอันขาด
- เมื่อถึงกำหนดเวลาพระราชทานเพลิง ให้เจ้าภาพเชิญแขก ที่มาในงานนี้ที่อาวุโสสูงสุดในที่นั่นขึ้นเป็นประธานจุดเพลิง (ถ้าหากในที่นั้นมีพระราชวงศ์ ตั้งแต่หม่อมเจ้าขึ้นไป ก็ขอให้เชิญพระราชวงศ์ผู้นั้นขึ้นเป็นประธานในพิธี)
- ในระหว่างเวลาที่เจ้าภาพเชิญประธาน ขึ้นเมรุไปปฏิบัติหน้าที่ตามข้อ ๕ นั้น ให้เจ้าหน้าที่ผู้เชิญหีบเพลิงพระราชทานนั้นขึ้นไปรออยู่ บนเมรุก่อน เมื่อผู้เป็นประธานทอดผ้าบังสุกุลและพระภิกษุสงฆ์ให้ชักผ้าบังสุกุลไปแล้ว ให้เจ้าหน้าที่เชิญ หีบเพลิงเปิดฝาหีบเพลิงแล้วเชิญไปมอบให้ประธานจุดพระราชทานเพลิงศพ
- ผู้เป็นประธาน ก่อนที่จะรับสิ่งของในหีบเพลิงพระราชทาน ผู้เป็นประธานยกมือถวายบังคม (ไหว้) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก่อน จึงหยิบเทียนชนวน มอบให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้เชิญหีบเพลิงถือไว้ ประธานหยิบไม้ขีดไฟ ซึ่งอยู่ในหีบเพลิงพระราชทาน จุดเทียนที่เทียน ชนวนแล้วหยิบดอกไม้จันทน์ ธูปไม้ระกำและเทียน (ที่มัดรวมกันอยู่) ขึ้นมาต่อไฟจากเทียนชนวน แล้วนำไปวาง ที่กองฟืนหน้าหีบศพ เสร็จการแล้ว คำนับศพหนึ่งครั้ง เป็นอันเสร็จพิธีพระราชทานเพลิงศพ